ข่าวฟุตบอลล่าสุดฟุตบอล วาไรตี้

ราชาลูกหนัง ไข่มุกดำ แห่งวงการฟุตบอล เปเล่

ราชาลูกหนัง ไข่มุกดำ แห่งวงการฟุตบอล เปเล่

เปเล่ เกิดที่เมืองเตรสโกราซอยส์ (Três Corações) ในรัฐมีนัชเจไรช์ ชื่อของเขาถูกตั้งตามทอมัส เอดิสัน นักประดิษฐ์ชาวอเมริกันโดยฌูเวา รามุส ดู นาซีเม็งตู” พ่อและผู้ฝึกสอนคนแรกของเขาที่มีอาชีพเป็นนักฟุตบอลอาชีพทีมฟลูมีเน็งซี (Fluminense Football Club) เป็นคนตั้งให้ และชื่อเล่นว่า “จีกู” (Dico) พอเข้าชั้นประถมเพื่อน ๆ ก็เรียก “เปเล่” ซึ่งไม่มีความหมายใด ๆ ทั้งคนในครอบครัวก็ไม่รู้จัก แต่สุดท้ายใช้ชื่อนี้มาตลอด (ยกเว้นคนในครอบครัวที่ยังคงเรียก “จีกู”) เขาเติบโตในย่านยากจนในเมืองเบารู รัฐเซาเปาลู

 

ต้องหาเงินด้วยการรับขัดรองเท้าแถวละแวกบ้านและสโมสรฟุตบอลประจำเมืองไปจนถึงสถานีรถไฟโนรีเอสเต้ เมื่อวิ่งได้ก็เริ่มหัดเล่นฟุตบอลตามท้องถนนหน้าบ้านและสนามดินลูกรัง ใช้ถุงเท้าขนาดใหญ่ที่สุดของผู้ใหญ่แล้วยัดด้วยผ้าหรือกระดาษหนังสือพิมพ์ม้วนเป็นก้อนกลมจากนั้นมัดด้วยเชือกผูกรองเท้าให้แน่นใกล้เคียงลูกบอลมากที่สุด บางทีก็ใช้ผลเกรปฟรูต บางครั้งก็เป็นลูกองุ่นหรือวัตถุใด ๆ ก็ได้ที่กลม ๆ แม้กระทั่งกระดุม จนอายุได้ 6 ขวบ พ่อเขาซื้อลูกบอลให้ลูกแรกพออายุได้ 9 ขวบจึงได้รวมทีมฟุตบอลมีชื่อว่า “สโมสร 7 กันยา” อันเป็นวันเอกราชของบราซิล และในเวลาต่อมาต่อมาก็ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น “อเมริควินฮา”แปลว่า “อเมริกาน้อย” พร้อมกับได้โค้ชคนที่สองชื่อเซไลเต้ เมื่ออายุได้ 13 ปี วัลเดมาร์ จี บรีตู (Waldemar de Brito) นักเตะชื่อดังของบราซิลและโค้ชผู้ฝึกสอนคนที่สามเห็นแววจึงชวนไปอยู่ทีมฟุตบอลสมัครเล่นและคว้าแชมป์ประจำรัฐติดต่อกันถึง 3 ปี พออายุได้ 15 ปีจึงได้เข้าทีมเยาวชน Santos FC junior team ปีต่อมาก็ได้เป็นนักบอลอาชีพในทีม Santos Futebol Clube ซึ่งเกมแรกก็ทำประตูชัยได้ 4 ประตู และได้เป็นดาวยิงสูงสุดของลีก พออายุได้ 17 ปี ถูกเรียกตัวติดทีมชาติบราซิล เพื่อลงแข่งฟุตบอลโลกในปี 1958 ที่ประเทศสวีเดนและถือเป็นนักฟุตบอลอายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูในนัดชิงชนะเลิศได้ด้วยฟอร์มอันน่าประทับใจ

เปเล่

เข้าสู่วงการฟุตบอล

เขาได้ก้าวเข้าสู่วงการฟุตบอลมืออาชีพ เมื่อเขาอายุ 9 ขวบ ก็ได้เข้าร่วมทีม “สโมสร 7 กันยา” ซึ่งชื่อทีมดังกล่าวสื่อถึงวันเอกราชของบราซิลอีกด้วยเปเล่ในวัย 13 ปี ได้รับการชักชวนจาก วัลเดมาร์ เดอ บริโต ให้เข้าร่วมในทีมฟุตบอลสมัครเล่น แต่เขาสามารถพาทีมคว้าแชมป์ประจำรัฐได้ถึง 3 ปี ติดต่อกัน เป็นการเข้าสู่เส้นทางนักฟุตบอลอาชีพเต็มตัวเมื่อเขาอายุ 15 ได้รับคัดเลือกให้เข้าทีมเยาวชนของ ซานโตส (Santos Futebol Clube) หรือ Santos FC junior team เป็นทีมแรก

 

เปเล่

ช่วงเป็นดาวรุ่ง

คว้าตำแหน่งดาวซัลโวของลีกได้ตั้งแต่อายุเพียง 16 ปี! ไม่เพียงเท่านั้น สิ่งที่น่าทึ่งคือ ในปี 1959 ตลอดปีปฏิทินนี้ ยิงประตูให้กับสโมสรซานโตสได้รวมกันถึง 127 ประตูด้วย!

ติดทีมชาติครั้งแรก

เปเล่ ลงเล่นเกมทีมชาติบราซิลนัดแรก ในวันที่ 7 กรกฏาคม 1957 ซึ่งเป็นเกมที่พบกับ อาร์เจนติน่า และเขาก็ทำประตูได้ด้วย ต่อมา ในปี 1958

กลายเป็นนักฟุตบอลอายุน้อยที่สุดในโลกที่คว้าแชมป์โลก ด้วยวัยเพียง 17 ปีหลังเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่เอาชนะ สวีเดน เจ้าตัวยิง 2 ประตูในนัดชิง ให้ แซมบ้า ชนะสวีเดน 5-2 ที่กรุงสต๊อคโฮล์ม จากนั้นก็เล่นเกมฟุตบอลโลกกับ บราซิล อีก 3 สมัยในปี 1962,1966 และ 1970 ซึ่งพาบราซิลคว้าแชมป์โลกอีก 2 ครั้งคือปี 1962 และ 1970
ในทัวร์นาเมนต์ปี 1962 และ 1966 เปเล่เจ็บปวดใจมากที่ไม่สามารถช่วยทีมได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยเนื่องจากมีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนหลังโดนนักเตะ เม็กซิโก เข้าบอลโหดใส่และทัวร์นาเมนต์ 1970 ที่เม็กซิโก คือทัวร์นาเมนต์สุดท้ายของเปเล่ อย่างไรก็ตาม นับว่าโชคดีที่ปี 1970 บราซิล นับว่ามีทีมที่ดีที่สุดในช่วงนั้นพอดีประกอบไปด้วยนักเตะดังๆระดับดาวอย่าง ริเวลิโน่,แจร์ซินโญ่ และ โตส์เตา ได้รับการยอมรับว่าเป็นทีมที่ดีที่สุดของบราซิล และพาแซมบ้าชนะ อิตาลี สำเร็จ 4-1 ในปีนั้น โดยเปเล่ ยิง 1 จ่าย 1 ให้กับ แจร์ซินโญ่ เป็นการคว้าแชมป์โลกที่น่าประทับใจที่สุดของบราซิล และในปี 1972 เปเล่ ตัดสินใจหันหลังให้กับทีมชาติบราซิล เป็นการถาวร

เปเล่

 

 

คว้าแชมป์

-แชมป์ บราซิเลียโร่ 6 สมัย
-แชมป์ฟุตบอลโลก 3 สมัย
-แชมป์ โคปา ลิเบอร์ตาโดเรส 2 สมัย
-ผู้เล่นแห่งศตวรรษ
-รองเท้าทองคำ ฟุตบอลโลก 1970
-นักเตะอายุน้อยที่สุดที่คว้าแชมป์โลก
-แฮตทริกมากที่สุดตลอดกาล (92)
-แอสซิสต์มากที่สุดในฟุตบอลโลก (10)
-บัลลงดอร์กิตติมศักดิ์

เปเล่

เปเล่

แขวนสตั๊ด

เปเล่ประสบความสำเร็จทุกอย่าง ไม่ว่า จะเป็นนักเตะยอดเยี่ยม ดาวซัลโว และทำให้คนที่นี่หันมาสนใจซอคเกอร์เพิ่มมากขึ้น และ จนกระทั่ง วันที่ 1 ต.ค. 1977 เปเล่ตัดสินใจแขวนสตั๊ด อำลาวงการลูกหนังอย่างเป็นทางการ ในนัดสุดท้ายที่ ไจแอนนต์ สเตเดี้ยม ซึ่งคอสมอส พบกับ ซานโตส สโมสรเก่าของเขานั่นเอง ซึ่งการอำลาเป็นไปอย่างยิ่งใหญ่ มีแฟนบอลหลายหมื่นคนเข้าร่วมการอำลาของเขา

เปเล่

เปเล่

ชีวิตหลังแขวนสตั๊ด

 

หลังหันหลังให้กับชีวิตค้าแข้ง เปเล่ ก็ได้ไปทำหน้าที่งานฑูตให้กับหลายองค์กร โดยในปี 1992 เขาได้รับการแต่งตั้งจาก สหประชาชาติ ให้เป็นฑูตเกี่ยวกับระบบนิเวศ และ สิ่งแวดล้อม และต่อมาในปี 1995 เขาก็ได้รับเหรียญเกียรติยศเป็นบุคคลที่สร้างชื่อเสียงและทำคุณประโยชน์ในวงการกีฬาให้กับประเทศบราซิล รวมถึง เขายังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่รัฐมนตรีพิเศษให้กับกระทรวงกีฬาบราซิล นอกจากนี้ องค์การยูเนสโก้ ก็ยังได้แต่งตั้งให้ เปเล่ เป็นฑูตพิเศษของ ยูเอ็น อีกด้วย

ในระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่งเป็นผู้ร่างกฎหมายข้อบังคับเพื่อลดการคอร์รัปชั่นในวงการฟุตบอลบราซิล ซึ่งกลายมาเป็นที่รู้จักดีในชื่อว่า “กฏหมายของเปเล่” เขาก็ได้ตัดสินใจยุติบทบาทดีกล่าว ในปี 2001 หลังจากเขาถูกกล่าวหาว่ามีส่วนกับการคอร์รับชั่น อย่างไรก็ดี ในปี 1997 เปเล่ ได้รับรางวัลเกียรติยศ British knighthood จากสหราชอาณาจักร

ในปี 2002 เปเล่ เคยมารับจ๊อบเป็นแมวมองให้กับ ฟูแล่ม ทีมในพรีเมียร์ชิพ อังกฤษ และในปี 2006 เขาก็ได้รับเลือกให้ไปเป็นผู้จับสลากแบ่งกลุ่มในรายการ ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ที่ประเทศเยอรมัน เป็นเจ้าภาพ อีกด้วย นอกจากนี้ ชีวิตของ เปเล่ ยังได้ถูกนำไปเผยแพร่ยังสื่อต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นสื่อสิ่งพิมพ์อย่าง หนังสือพิมพ์, แม็กกาซีน, นิตยสาร รวมถึง ในรายการโทรทัศน์ และ ภาพยนตร์ ต่างๆ อีกด้วย

เปเล่

เปเล่

 

เสียชีวิต

เปเล่ อดีตดาวเตะทีมชาติบราซิลระดับตำนาน เจ้าของแชมป์ฟุตบอลโลก 3 สมัย เสียชีวิตอย่างสงบด้วยวัย 82 ปี เมื่อวันที่ 29 ธันวาคมที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่นประเทศบราซิล

ก่อนหน้านี้ เปเล่ ถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาแบบประคับประคอง หลังจากที่เขาถูกตรวจพบว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ตั้งแต่ปีก่อน โดยเจ้าตัวต้องรักษาด้วยการทำเคมีบำบัด แต่ก็ไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีเท่าไหร่นัก

เปเล่

ทั้งนี้อดีตแข้งวัย 82 ปี ออกมาโพสต์ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมาว่ายังแข็งแรง และมีความหวังในการรักษาตัวอยู่ แต่ก็มีรายงานเพิ่มเติมว่า เขาอาการยังไม่ดีขึ้น แบะเริ่มทรุดลงเรื่อยๆและล่าสุดเมื่อวันที่ 29 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีการยืนยันข่าวเศร้าอย่างเป็นทางการว่า เปเล่ ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบหลังต่อสู้กับอาการป่วยมาอย่างยาวนาน ตามการยืนยันของ เคลลี คริสตินา นาสซิเมนโต ลูกสาวของเขา
สำหรับ เปเล่ ถือเป็นนักเตะที่ได้รับการเชิดชู และประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของวงการฟุตบอล จารึกสถิติทำประตูเอาไว้ 1,281 ลูกจากการลงสนาม 1,363 นัด (รวมทุกแมตช์ทั้งทางการ และไม่เป็นทางการ)​ ตลอดอาชีพค้าแข้ง 21 ปี รวมถึงสถิติการยิง 77 ประตูจาก 92 นัดกับทีมชาติบราซิล ครองดาวซัลโวสูงสุดของทัพแซมบ้าร่วมกับเนย์มาร์
นอกจากนี้เจ้าของฉายา “ไข่มุกดำ” ยังเป็นนักเตะคนเดียวในประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกได้ถึง 3 สมัย ในปี 1958, 1962 และ 1970

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *