ข่าวฟุตบอลล่าสุดประวัติราชาลูกหนัง

ราชาลูกหนัง เหยินน้อย แห่งวงการฟุตบอล โรนัลดินโญ

ราชาลูกหนัง เหยินน้อย แห่งวงการฟุตบอล โรนัลดินโญ

รอนัลดู จี อาซิส โมเรย์รา (โปรตุเกส: Ronaldo de Assis Moreira) หรือที่รู้จักกันในชื่อ โรนัลจีญู (โปรตุเกส: Ronaldinho “โรนัลโดน้อย”) หรือ รอนัลดีนโย ตามการออกเสียงในภาษาอังกฤษ เกิดเมื่อวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2523 (ค.ศ. 1980) เป็นอดีตนักฟุตบอลอาชีพชาวบราซิล ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาล รอนัลดีนโยเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรุกเป็นหลัก แต่สามารถขยับไปเล่นเป็นตัวริมเส้นได้เช่นกัน เขาได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำปีของฟีฟ่า 2 สมัย และรางวัลบาลงดอร์ 1 สมัย เขามีจุดเด่นในเรื่องของการเลี้ยงบอล, การผ่านบอลให้เพื่อน โดยมีภาพจำที่ติดตาแฟนฟุตบอลคือการผ่านบอลได้อย่างแม่นยำโดยไม่ต้องมองเพื่อน และสามารถเล่นลูกตั้งเตะได้อย่างยอดเยี่ยม

โรนัลดินโญ

(Porto Alegre) เมืองเอกของรัฐฮิวกรังจีดูซูว (Rio Grande do Sul) มารดาของเขาเป็นนางพยาบาล ส่วนบิดาของเขานั้นเป็นทั้งพนักงานอู่ซ่อมเรือและนักฟุตบอล ในวัยเยาว์ ทักษะในการเล่นฟุตบอลของเขาพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วและสามารถยิงประตูคนเดียว 23 ประตูให้ทีมชนะทีมพื้นเมืองไป 23-0 เขาจึงได้รับรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมนักฟุตบอลอายุต่ำกว่า 17 ปีชิงแชมป์โลกที่ประเทศอียิปต์ ปี พ.ศ. 2540
ต่อมาก็มีทีมฟุตบอลต่าง ๆ ยื่นข้อเสนอมาให้เขามากมาย ท้ายที่สุดเขาได้ตัดสินใจเข้าร่วมทีมเกรมีอู ภายหลังถูกซื้อตัวโดยทีมปารีแซ็ง-แฌร์แม็งในลีกฝรั่งเศส หลังจากนั้นเขาต้องการจะย้ายออกจากปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง โดยมีเป้าหมายว่าจะไปบาร์เซโลนา ในที่สุดเขาได้ตัดสินใจเข้าร่วมทีมกับบาร์เซโลนาและประสบความสำเร็จอย่างมาก ก่อนจะย้ายมาค้าแข้งกับเอซีมิลาน และปัจจุบันมกราคมปี 2554 ได้ย้ายกลับไปเล่นกับทีมฟลาเมงกูในบราซิล ต่อมาจึงย้ายออกจากฟลาเมงกูที่ไม่ยอมจ่ายค่าเหนื่อยให้แล้วย้ายไปอยู่อัตเลชีกูมีเนย์รูน์

 

เข้าสู่วงการฟุตบอล

เข้าสู่ปี 2001 โรนัลดินโญ ในวัย 21 ปี บินลัดฟ้าข้ามมายังยุโรปเพื่อค้าแข้งให้ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ของฝรั่งเศส แต่ต้องบอกว่าไม่ประสบความสำเร็จนัก ทั้งฟอร์มการเล่นที่ไม่สม่ำเสมอ แถมยังมีปัญหานอกสนาม จนส่อแววจะกลายเป็นดาวรุ่งที่ดับแสงอย่างรวดเร็ว

โรนัลดินโญ

โรนัลดินโญ

 

ช่วงดาวรุ่ง

โรนัลดินโญ ในวัยเยาว์ ทักษะในการเล่นฟุตบอลของเขาพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วและสามารถยิงประตูคนเดียว 23 ประตูให้ทีมชนะทีมพื้นเมืองไป 23-0 เขาจึงได้รับรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมนักฟุตบอลอายุต่ำกว่า 17 ปีชิงแชมป์โลกที่ประเทศอียิปต์ ปี พ.ศ. 2540

โรนัลดินโญ

โรนัลดินโญ

ติดทีมชาติครั้งแรก

โรนัลดินโญ  เป็นหนึ่งในผู้เล่นไม่กี่คนของทีมชาติบราซิลที่ติดทีมชาติทุกรุ่นอายุ ไล่ตั้งแต่ ชุดยู-15, ยู-17, ยู-20 และ ยู-23 จนกระทั่ง มาติดทีมชุดใหญ่ครั้งแรก ใน วันที่ 26 มิถุนายน ปี 1999 และเขาก็แจ้งเกิดได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการยิงประตูชัยให้ทีมเซเลเซาเฉือนเอาชนะเวเนซุเอลา รวมทั้งช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ โคปา อเมริกา มาครองได้อย่างงดงามหลังถล่มเอาชนะอุรุกวัยมาได้ในรอบชิงชนะเลิศ 3-0 ก่อนที่เขาจะโชคร้าย อดลงเล่นเกมนัดชิงฯ ในศึก คอนเฟดเดอเรชั่น คัพ 1999 จนเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ บราซิล พ่ายต่อ เม็กซิโก ไปอย่างน่าเสียดาย 3-4

ในปี 2002 โรนัลดินโญ ก้าวสู่จุดสูงสุดจุดหนึ่งของการเป็นนักเตะ ด้วยการพาทีมชาติบราซิล คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก ที่เอเชีย ซึ่งมีเกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ร่วมกันเป็นเจ้าภาพ สำเร็จ จากสามประสานในเกมรุกที่มีเขา, โรนัลโด้ และ ริวัลโด้ (3 R’s) ทำเดินร่วมกัน  โดยไฮไลต์สำคัญของเขา คือ การยิงลูกลักไก่ระยะไกลกว่า 35 เมตร ข้ามหัว เดวิด ซีแมน นายทวารทีมชาติอังกฤษ ในขณะนั้น เป็นประตูชัยให้ บราซิล เอาชนะ อังกฤษ ในรอบก่อนรองชนะเลิศ ก่อนจะก้าวไปสู่ตำแหน่งแชมป์ ในท้ายที่สุด แม้ว่าในแมตช์นั้นเขาจะโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม จากการไปทำฟาวล์อย่างน่าเกลียดใส่ แดนนี่ มิลล์ส แบ๊กขวาของทีม “สิงโตคำราม” ก็ตาม

โรนัลดินโญ

ในปี 2005  โรนัลดินโญ  รับบทสวมปลอกแขนกัปตันทีมชาติบราซิล ลงทำศึก คอนเฟเดอเรชั่นคัพ ปี 2005 และเขาก็นำลูกทีมผงาดคว้าแชมป์ได้อย่างงดงาม ด้วยการเอาชนะ อาร์เจนติน่า ได้อย่างท้วมท้น 4-1 ในรอบชิงชนะเลิศ เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2005 และก่อนที่จะมาสู่ศึกฟุตบอลโลก 2006 ที่ประเทศ เยอรมัน ซึ่ง โรนัลดินโญ่ ยังคงเป็นกำลังสำคัญของทีมเช่นเดิม แต่ทว่า ฟอร์มการเล่นของเขากลับน่าผิดหวังไม่น้อยในสายตาของแฟนบอล โดยเขาไม่สามารถยิงประตูได้เลยในการลงสนาม 5 นัด และยังเป็นคนจ่ายบอลให้เพื่อนทำประตูได้ครั้งเดียวเท่านั้น (ในเกมที่ชนะ ญี่ปุ่น 4-1) ก่อนที่จะโดน ฝรั่งเศส เขี่ยตกรอบก่อนรองชนะเลิศ ไปในท้ายที่สุด

โรนัลดินโญ

หลังจากสิ้นเสร็จศึกฟุตบอลโลก ที่ประเทศ เยอรมัน  โรนัลดินโญ ก็เข้าๆ ออก ในทีมตัวจริงของทีมชาติบราซิล อยู่บ่อยครั้ง โดยเขาลงเล่นภายใต้การคุมทีมของ คาร์ลอส ดุงก้า เทรนเนอร์คนใหม่ไปเพียง 3 จาก 5 เกมที่เป็นทางการเท่านั้น (2 ใน 3 เป็นการเล่นในฐานะตัวสำรอง) อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 24 มีนาคม 2007   โรนัลดินโญ  กลับมาลงให้กับทีมชาติบราซิล ในฐานะตัวจริงครั้งแรก นับตั้งแต่เดือนกันยายน 2006 ในเกมที่เขาจัดการเหมาสองประตูช่วยให้ บราซิล ถล่มเอาชนะ ชิลี ไปได้ 4-0 และเป็นการหยุดสถิติที่เขายิงประตูในเกมทีมชาติไม่ได้เลยเป็นเวลาเกือบๆ 2 ปี ได้สำเร็จ และในปี 2008 โรนัลดินโญ่ มีชื่อเป็นหนึ่งในนักเตะที่จะติดฟุตบอลทีมชาติบราซิลไปลุยศึกโอลิมปิก เกมส์ ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ในฐานะโควตา นักเตะอายุเกิน 23 ปี ร่วมกับ ติอาโก้ ซิลวา และ โรบินโญ่ อย่างไรก็ตาม ทางบาร์ซ่า ก็ได้ ออกมาเบรกไม่ให้ เหยินน้อย ไปร่วมทีมในครั้งนี้ แต่ดูเหมือนว่าก็จะไม่เป็นผล

จากการที่ฉายฟอร์มเพชฌาตกับทีมเอซี มิลาน ไม่ได้เลย ทำให้ดุงก้า ไม่เรียกเขาติดทีมชาติ ในศึกคอนเฟด 2009 ล่าสุด ซึ่งทำให้ดูเหมือนว่า อนาคตของเขา กับทีมชาติ ได้หมดลงแล้ว

 

คว้าแชมป์

รางวัลที่ได้ส่วนตัว

FIFA World Player of the Year ปี 2547 2548

World Soccer Player of the Year ปี 2547 2548

European Footballer of the Year ปี 2548

FIFPro World Player of the Year ปี 2548 2549

UEFA Club Footballer of the Year ปี 2548

ระดับสโมสร

แชมป์ ลาลีกา 2548 2549

แชมป์ ซูเปร์โกปาเดเอสปาญา 2548

แชมป์ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2549

ระดับนานาชาติ

แชมป์ฟุตบอลเยาวชนโลกอายุ 17 ปี 2540

แชมป์ โคปาอเมริกา 2542 2547

แชมป์ ฟุตบอลโลก 2002

แชมป์ คอนเฟเดอเรชันส์คัพ 2548

โรนัลดินโญ

โรนัลดินโญ

แขวนสตั๊ด

โรนัลโด เด อัสซิส โมเรยรา “โรนัลดินโญ” อดีตนักเตะหมายเลข 1 ของโลกชาวบราซิล ได้ประกาศแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการใน ปี พ.ศ.2561 ด้วยวัย 37 ปี ระยะเวลาห่างถึง 3 ปี นับตั้งแต่ลงสนามเกมทางการครั้งสุดท้าย โดยที่ลงเตะจริงจังนั้นหนล่าสุดต้องย้อนไปถึงปี 2015 เลยทีเดียว

โรนัลดินโญ

โรนัลดินโญ

ชีวิตหลังแขวนสตั๊ด

โรนัลดินโญ ถูกปล่อยตัวจากเรือนจำในประเทศปารากวัยแล้ว หลังจากต้องใช้ชีวิตอยู่ในคุก 32 วันร่วมกับพี่ชาย นับตั้งแต่ทั้งคู่โดนจับกุมและถูกคุมขังจากข้อหาใช้พาสปอร์ตปลอมเพื่อเข้าปารากวัยหลังจากปล่อยตัวจากเรือนจำ ซึ่งเจ้าตัวมีโปรแกรมเดินทางไปเปิดตัวหนังสือเล่มใหม่ของตัวเอง และร่วมงานของมูลนิธิแห่งหนึ่งในปารากวัย

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *