ข่าวฟุตบอลล่าสุดประวัติราชาลูกหนัง

ราชาลูกหนัง โล้นทองคำ แห่งวงการฟุตบอล โรนัลโด

ราชาลูกหนัง โล้นทองคำ แห่งวงการฟุตบอล โรนัลโด

โรนัลโด  (อังกฤษ: Ronaldo) หรือชื่อเต็มว่า โรนัลดู ลูอีส นาซารีอู จี ลีมา (โปรตุเกส: Ronaldo Luíz Nazário de Lima; เกิดวันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2519) เป็นนักฟุตบอลชาวบราซิลที่เป็นที่รู้จักในฉายา O Fenômeno (ปรากฏการณ์) และชื่อเล่น R9 ปัจจุบันเลิกอาชีพค้าแข้งแล้ว ในปี ค.ศ. 1993 โรนัลโดเริ่มต้นเส้นทางการเป็นนักฟุตบอลอาชีพกับสโมสรกรูเซย์รู ในฤดูกาลแรกนั้น เขาทำได้ถึง 12 ประตูใน 14 เกม โดยโรนัลโดมีอายุเพียง 17 ปีเท่านั้น หลังจากนั้นก็ถูกแมวมองจากสโมสรยักษ์ใหญ่ แปเอสเฟ ไอนด์โฮเฟินจากเนเธอร์แลนด์ดึงไปร่วมเล่น นอกจากนี้ โรนัลโดก็ยังได้ร่วมทางกับสโมสรใหญ่ในยุโรปมากมาย อาทิ บาร์เซโลนา อินแตร์นาซีโอนาเลมีลาโน (อินเตอร์มิลาน) เรอัลมาดริด และเอซีมิลาน
ในส่วนของทีมชาตินั้น โรนัลโด ลงเล่นให้กับทีมชาติบราซิลชุดใหญ่ 97 นัด และทำประตูได้ถึง 62 ประตู โดยเป็นรองเพียงเปเล่และโรมารีอูเท่านั้น และยังเป็นเจ้าของสติถิ 15 ประตู ผู้ยิงประตูสูงสุดตลอดกาลของโลกในฟุตบอลโลกอีกด้วย เขาพาทีมชาติบราซิลได้แชมป์ฟุตบอลโลก 2 สมัยในปี ค.ศ. 1994 และ ค.ศ. 2002 แต่ต่อมาก็ถูกแย่งสถิติโดยมีโรสลัฟ โคลเซอในฟุตบอลโลกปี ค.ศ. 2014

โรนัลโด
ฉายาของ โรนัลโด คือ O Fenômeno (“The Phenomenon” ในภาษาอังกฤษ) โรนัลโดเป็นหนึ่งในนักเตะที่ประสบความสำเร็จมากมาย อาทิ รางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปยุโรป 2 สมัย ในปี ค.ศ. 1997 และ ค.ศ. 2002 รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของโลกโดยฟีฟ่า 3 สมัย ซึ่งมีเพียงโรนัลโดและซีเนดีน ซีดานเท่านั้นที่เคยทำได้ ในปี ค.ศ. 2007 เขาถูกจัดให้เป็นหนึ่งในนักฟุตบอล 100 คนที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลโดยนิตยสารฟุตบอลฝรั่งเศส และเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลยอดเยี่ยมที่สุดของโลกที่ยังมีชีวิตอยู่โดยเปเล่
เมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2013 โรนัลโดประกาศเกษียณตัวเองจากการเป็นนักฟุตบอล เนื่องจากความเจ็บปวดและภาวะขาดไทรอยด์
เมื่อวันที่ 11 มกราคม ค.ศ. 2015 โรนัลโดเตรียมฟิตหุ่น โรนัลโด้ ออกมาเผยว่า ตัวเขาเองจะพยายามเรียกความฟิตอย่างเต็มที่ เพื่อกลับมาลงสนามเล่นฟุตบอลอีกครั้งกับสโมสร ฟอร์ต เลาเดอร์เดล สไตรเกอร์ส Fort Lauderdale Strikers ในศึกนอร์ธ อเมริกัน ซอคเกอร์ ลีก ซึ่งเป็นลีกระดับดิวิชั่น 2 ของลีกลูกหนังสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ โรนัลโด้ ผ่านการค้าแข้งกับสโมสรดังๆมากมาย เช่น บาร์เซโลนา, รีลมาดริด, อินเตอร์ มิลาน และ เอซี มิลาน โดยลงเล่นฟุตบอลอาชีพกับ โครินเธียนส์ เป็นสโมสรสุดท้าย ในปี 2011 ก่อนที่จะประกาศแขวนสตั๊ด เนื่องจากสภาพร่างกายไม่ไหว แล้วก็กลับมาเล่นอีกครั้งในปี 2015

เข้าสู่วงการฟุตบอล

โรนัลโด เริ่มต้นเส้นทางการเป็นนักฟุตบอลอาชีพกับสโมสรกรูเซย์รู ในฤดูกาลแรกนั้น เขาทำได้ถึง 12 ประตูใน 14 เกม โดยโรนัลโดมีอายุเพียง 17 ปีเท่านั้น หลังจากนั้นก็ถูกแมวมองจากสโมสรยักษ์ใหญ่ แปเอสเฟ ไอนด์โฮเฟินจากเนเธอร์แลนด์ดึงไปร่วมเล่น นอกจากนี้ โรนัลโดก็ยังได้ร่วมทางกับสโมสรใหญ่ในยุโรปมากมาย อาทิ บาร์เซโลนา อินแตร์นาซีโอนาเลมีลาโน (อินเตอร์มิลาน) เรอัลมาดริด และเอซีมิลาน

 

โรนัลโด

โรนัลโด

ช่วงดาวรุ่ง

ในฤดูกาลแรกนั้น เขาทำได้ถึง 12 ประตูใน 14 เกม โดย โรนัลโด มีอายุเพียง 17 ปีเท่านั้น เป็นช่วงดาวรุ่งหลังจากนั้นก็ถูกแมวมองจากสโมสรยักษ์ใหญ่ แปเอสเฟ ไอนด์โฮเฟินจากเนเธอร์แลนด์ดึงไปร่วมเล่น
ติดทีมชาติครั้งแรก
โรนัลโด ลงเล่นให้กับทีมชาติบราซิลชุดใหญ่ 97 นัด และทำประตูได้ถึง 62 ประตู โดยเป็นรองเพียงเปเล่และโรมารีอูเท่านั้น และยังเป็นเจ้าของสติถิ 15 ประตู ผู้ยิงประตูสูงสุดตลอดกาลของโลกในฟุตบอลโลกอีกด้วย เขาพาทีมชาติบราซิลได้แชมป์ฟุตบอลโลก 2 สมัยในปี ค.ศ. 1994 และ ค.ศ. 2002

 

โรนัลโด

คว้าแชมป์

– ผู้เล่นยอดเยี่ยมของยุโรป ปี 1998

– ดาวซัลโวฟุตบอลโลก ปี 2002

– รองนักเตะยอดเยี่ยมฟุตบอลโลก 2002

– แชมป์ฟุตบอลโลก ปี 1994 และ 2002

– นักเตะยอดเยี่ยมฟุตบอลโลก 1998

– แชมป์โคปา อเมริกา 1997 และ 1999

– แชมป์ยูฟ่า คัพ 1998

– แชมป์คัพ วินเนอร์ส คัพ ปี 1997

– แชมป์ดัตช์ คัพ ปี 1996

– แชมป์ ลา ลีกา สเปน ปี 2003

– แชมป์อินเตอร์คอนติเนนทัล คัพ ปี 2002

– แชมป์ ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ ปี 2002

– แชมป์สแปนิช ซูเปอร์ คัพ ปี 2003

โรนัลโด

แขวนสตั๊ด

เมื่อวันที่ 14 ก.พ. “โล้นทองคำ”  โรนัลโด  อดีตหัวหอกระดับตำนานผู้พาทีมชาติบราซิลเถลิงแชมป์ฟุตบอลโลก 2002 ซึ่งปัจจุบันกำลังค้าแข้งให้กับทีมโครินเธียนส์ ในลีกบ้านเกิด ตัดสินใจประกาศแขวนสตั๊ดกะทันหัน หลังไม่อาจช่วยให้ทีมผ่านเข้ารอบศึกโคปา ลิเบอร์ตาดอเรส ขณะที่กองหน้าวัย 34 ปีเผยกับสื่อท้องถิ่น อ้างปัญหาอาการบาดเจ็บคือเหตุผลสำคัญที่ทำให้ตัดสินใจเลิกเล่น
“ผมไม่สามารถรับมันได้อีกต่อไป แม้ว่าผมอยากจะเล่นต่อ แต่ผมก็ทำไม่ได้ ผมวางแผนที่จะอยู่ในเกมฟุตบอลต่อไป แต่ผมก็ทำเท่าที่ผมสามารถทำได้แล้ว ตอนนี้เวลาสำหรับการเป็นนักฟุตบอลของผมมันหมดลงแล้ว” โรนัลโด เผย

โรนัลโด

ชีวิตหลังแขวนสตั๊ด

ระหว่างปี 1997  โรนัลโด ได้พบกับนางแบบและนักแสดงชาวบราซิลซูซานา แวร์เนอร์ในกองเทเลโนเวลา มัลฮาเซาของบราซิลเมื่อพวกเขาแสดงร่วมกันในสามตอน แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยแต่งงาน พวกเขาเริ่มความสัมพันธ์ระยะยาวและอาศัยอยู่ร่วมกันในมิลานจนถึงต้นปี 2542

ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2542 โรนัลโดแต่งงานกับนักฟุตบอลชาวบราซิลชื่อ Milene Dominguesในขณะที่ตั้งครรภ์กับลูกชายคนแรกของทั้งคู่ โรนัลด์ ซึ่งเกิดที่เมืองมิลานเมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2543 [การแต่งงานดำเนินไปเป็นเวลาสี่ปี ในปี 2548 โรนัลโดหมั้นกับนางแบบชาวบราซิลและเอ็มทีวีวีเจดาเนียลาซิคาเรลลีซึ่งตั้งครรภ์ แต่ประสบกับการแท้งบุตร ความสัมพันธ์กินเวลาเพียงสามเดือนหลังจากงานแต่งงานที่หรูหราของพวกเขาที่Château de Chantilly มีรายงานว่าพิธีดังกล่าวมีค่าใช้จ่าย 700,000 ปอนด์ (896,000 ยูโร)

โรนัลโด

ฝึกคาทอลิก โรนัลโด บริจาคฟุตบอลเซ็นสัญญากับ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส พร้อมกับเสื้อบราซิลพร้อมลายเซ็นจาก Peléตั้งอยู่ใน พิพิธภัณฑ์วาติกันแห่งหนึ่ง
แม้เขาจะมีชื่อเสียง – การสำรวจในปี 2546 โดยNikeระบุว่าเขาเป็นนักกีฬาที่โด่งดังที่สุดในโลก (และคนที่โด่งดังที่สุดเป็นอันดับสามโดยรวม) – โรนัลโด้ปกป้องความเป็นส่วนตัวของเขารวมถึงเพื่อนร่วมทีมระบุในการให้สัมภาษณ์กับThe Telegraphว่า [ผู้เล่น] แต่ละคนมี ชีวิตส่วนตัวของเขาเองและไม่มีใครคิดเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของคนอื่นหรือพูดถึงมัน” ภายในปี พ.ศ. 2546 เขาใช้ภาษาโปรตุเกส สเปน และอิตาลีได้คล่อง และมีความเข้าใจภาษาอังกฤษเป็นอย่างดี

โรนัลโด

ในการสัมภาษณ์กับ 2005 Folha เด S.Paulo โรนัลโด เผยว่าค่อนข้างไม่คาดคิดเขาระบุเชื้อชาติเป็นสีขาว , สร้างการสนทนาในวงกว้างเกี่ยวกับบทบาทที่ซับซ้อนของการแข่งขันในบราซิล เนลิโอ นาซาริโอ พ่อของโรนัลโด้ กล่าวว่า “เขารู้ดีว่าเขาเป็นคนผิวดำ จริงๆ แล้ว ตอนนั้น ฉันคิดว่ามันเป็นปรัชญาบางอย่าง บางอย่างที่ส่งผล เพราะเขารู้ว่าเขาเป็นคนผิวดำ ” จากการศึกษาที่นำโดยนักพันธุศาสตร์ Sergio Pena แห่งสถาบันภูมิศาสตร์และสถิติของบราซิล ชาวบราซิลส่วนใหญ่มักมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับรากเหง้าของพวกเขา “บรรพบุรุษของชาวบราซิลผิวขาวคือหนึ่งในสามของแอฟริกัน, หนึ่งในสามของ Amerindian และหนึ่งในสามของยุโรป บุคคลที่คิดว่าตัวเองเป็นคนผิวขาวอาจมีเชื้อสายแอฟริกันมากกว่าบุคคลที่คิดว่าตัวเองเป็นสีน้ำตาลหรือสีดำ”

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *