ข่าวฟุตบอลล่าสุดประวัติราชาลูกหนัง

เดวิด เบ็คแฮม เทพบุตรลูกหนังเท้าชั่งทอง ตำนานหมายเลข 7 ปิศาจแดง

ราชาลูกหนัง เดวิด เบ็คแฮม เทพบุตรเท้าชั่งทองที่โลกจำ

เดวิดเบ็คแฮม David Robert Joseph Beckham เทพบุตรสุดหล่อ แห่งวงการฟุตบอล จุติมาบนโลกมนุษย์เมื่อ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2518 ณ เลย์ตันสโตน ลอนดอนตะวันออก ประเทศอังกฤษ เขาเป็นสุดยอดนักเตะอังกฤษ ที่มีชื่อเสียงระดับโลก จากการเล่นในสนาม ตลอดจนชีวิตส่วนตัว ที่ได้รับการยกย่องอย่างสูง ปัจจุบันเขาได้เป็น ประธานสโมสร อินเตอร์ ไมอามี ในเมเจอร์ลีกซอกเกอร์ USA

เดวิด เบ็คแฮม
เดวิด เบ็คแฮม

เบ็คแฮมเซ็นสัญญา กับสโมสรฟุตบอลจากอิตาลี เอซี มิลาน ในช่วงนอกฤดูกาล MLS ในช่วงฤดูกาลปี 2011 เขาช่วยให้ทีม Galaxy คว้าแชมป์ MLS Cup ได้สองสมัยในปี 2011-2012 เบ็คแฮมออกจากทีม เมื่อสิ้นสุดฤดูกาลในปี 2013

เขาย้ายเข้าร่วมทีม Paris Saint-Germain (PSG) ในลีกแรกของฝรั่งเศสและ PSG คว้าแชมป์ลีกในประเทศฝรั่งเศส ในฤดูกาลเดียวของเขากับทีม เบ็คแฮมเกษียณจากฟุตบอล ไม่นานหลังจากคว้าแชมป์กับ PSG

เดวิด เบ็คแฮม
จุดเริ่มต้น เดวิด เบ็คแฮม

ชีวิตส่วนตัว

เบ็คแฮมแต่งงาน เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 1999 กับ วิคตอเรีย อดัมส์ นักร้องสาวของวงสไปซ์ เกิร์ลส ฉายา “Posh Spice” ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเป็นที่สนใจของสื่อมวลชนอย่างมาก ทั้งคู่ถูกเรียกจากสื่อว่า “Posh and Becks” และชื่อนี้เป็นที่รู้จักกันทั่วไป (ราชาลูกหนัง)

ครอบครัวเบ็คแฮมมีลูกชาย 3 คน และลูกสาว 1 คน คือ บรุคลิน โจเซฟ เบคแคม (เกิด 1999) โรมีโอ เจมส์ เบ็คแฮม (เกิด 2002) ครูซ เดวิด เบ็คแฮม (เกิด 2005) และ ฮาร์เปอร์ เซเว่น (เกิด 2011)

เดวิด เบ็คแฮม
ครอบครั้ว เดวิด เบ็คแฮม

เข้าสู่วงการฟุตบอล

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
เบ็คแฮมได้เซ็นสัญญาเยาวชนกับสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในวันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ. 1991 เขาเป็นหนึ่งในเด็กที่ถูกสอนโดย เอริค แฮร์ริสัน เขาได้พาทีมได้แชมป์เอฟเอคัพรุ่นเยาวชน ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ 1992 และชุดแมนยูในตอนนั้นรู้จักในฐานะ ยุคของ 92 เขาลงสนามครั้งแรกในฐานะตัวสำรอง ในลีค คัฟ ในวันที่ 23 กันยายน ค.ศ.1992 เค้าเซ็นสัญญานักฟุตบอลอาชีพในวันที่ 23 มกราคม ค.ศ.1993

ยืมตัวเพรสตันนอร์ทเอนด์
เขาได้ไปร่วมกับสโมสรฟุตบอลเพรสตันนอร์ทเอนด์ ในสัญญายืมตัวในฤดุกาล 1994-1995 เพื่อได้รับประสบการณ์ตัวจริง เค้ายังยิงประตูจากการเตะมุมอีกด้วย

แมนยูไนเต็ด
หลังจากการกลับมาเค้าก็ได้ลงสนามเป็นตัวจริงครั้งแรกในพรีเมียร์ลีกในวันที่ 2 เมษายน ค.ศ.1995 แต่เกมนัดนั้นเสมอ 0-0

ฟุตบอลโลก 2006
เบ็คแฮมมีส่วนในการทำประตูในรอบแรกของฟุตบอลโลก 2006 และยิงได้ในนัดที่พบกับเอกวาดอร์ ในรอบที่สอง ทำให้เขาเป็นผู้เล่นอังกฤษคนแรกที่ทำประตูได้ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 3 ครั้ง อย่างไรก็ตามในการแข่งขันกับโปรตุเกสในรอบถัดมา เบ็คแฮมบาดเจ็บจนถูกเปลี่ยนตัวออกในครึ่งหลัง และอังกฤษแพ้ดวลจุดโทษให้กับโปรตุเกสอีกครั้ง

หลังจากตกรอบฟุตบอลโลก เบ็คแฮมประกาศลาออกจากตำแหน่งกัปตันทีมชาติอังกฤษ เพื่อเปิดทางให้รุ่นน้องคนอื่นเข้ามารับหน้าที่นี้แทน

แอลเอ แกแลกซี
หลังจากที่ยุคของกาลาคติคอสหมดลง เดวิด เบ็คแฮม ได้เซ็นสัญญากับทางแอลเอ แกแลกซีสโมสรเมเจอร์ลีกในสหรัฐอเมริกาด้วยค่าเหนื่อยแพงถึง 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ เดวิด เบคแคมมีส่วนทำให้คนในประเทศสหรัฐอเมริกาเริ่มหันมาดูฟุตบอลกันมากขึ้น ชีวิตค้าแข้งที่เมเจอร์ลีกในสหรัฐอเมริกาของเขาดูเหมือนจะราบรื่นได้ไม่นาน เพราะเขาไม่ค่อยพอใจกับชีวิตค้าแข้งที่เมเจอร์ลีกเท่าไหร่ เดวิด เบ็คแฮมบอกทางผ่านสื่อว่าการที่ได้ไปเล่นให้กับเมเจอร์ลีกในสหรัฐอเมริกานั้นสำหรับดาราอาจจะใช่ แต่สำหรับนักฟุตบอลที่แท้จริงนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง และหลังจากนั้นเค้าได้ถูกยืมตัวให้กับทางสโมสรฟุตบอลเอซี มิลานจึงทำให้เค้าคิดที่จะกลับมาเล่นให้กับสโมสรใหญ่ๆ อีกครั้ง

เอซี มิลาน
เมื่อครึ่งหลังฤดูกาลในปี 2008-2009 ของสโมสรฟุตบอลเอซี มิลาน ยักษ์ใหญ่แห่งอิตาลี ได้ทำการยืมตัว เดวิด เบ็คแฮม มาเล่นให้กับทีมจนจบฤดูกาล ซึ่งเขามีส่วนร่วมในการทำประตูมากมายให้กับสโมสรฟุตบอลเอซี มิลาน จนทำให้ทีมได้รองแชมป์ในศึกกัลโช่ เซเรีย อา

ความหวังที่ เดวิด เบ็คแฮม ต้องการมาเล่นให้กับยักษ์ใหญ่แห่งอิตาลีอย่างสโมสรฟุตบอลเอซี มิลานนั้น สิ่งเดียวที่เค้าหวังคือการที่จะได้ลงเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษในศึกฟุตบอลโลก 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งเค้ารู้ตัวดีว่าถ้าเล่นในเมเจอร์ลีกต่อ นั่นจะทำให้ เดวิด เบ็คแฮม ไม่สามารถโชว์ผลงานเท่าที่คาดคิดไว้ได้ เบคแคมจึงตัดสินใจทำทุกวิถีทางเพื่อให้มาเล่นกับสโมสรฟุตบอลเอซี มิลานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ในสิ่งที่เค้าต้องการและนั่นทำให้เค้ากับทางแอลเอ แกแลกซีมีเรื่องบาดหมางกัน แต่ในที่สุดก็ทำข้อตกลงกันได้คือ หลังจากที่ เดวิด เบคแคม หมดสัญญาการยืมตัวจากสโมสรฟุตบอลเอซี มิลานในฤดูกาลปี 2008-2009 แล้ว เดวิด เบ็คแฮม จะกลับไปเล่นให้กับแอลเอ แกแลกซี ทันทีและหลังจากหมดฤดูกาลกับทางแอลเอ แกแลกซี เดวิด เบ็คแฮม จะกลับมาเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลเอซี มิลาน อีกครั้งในฐานะนักเตะของสโมสรฟุตบอลเอซี มิลาน ซึ่งคาดว่าจะกลับมาในเดือนพฤศจิกายนในปี 2009

ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง และ แขวนสตั๊ด
เมื่อวันที่ 29 มกราคม ค.ศ. 2013 เบ็คแฮมได้เริ่มกลับมาฝึกฟุตบอลกับสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลและได้มีข่าวว่าทางอาร์เซนอลจะเซ็นสัญญากับเบ็คแฮมเป็นผู้เล่นของสโมสรแต่ก็ได้ถูกปฏิเสธไปอย่างเป็นทางการจากอาร์แซน แวงแกร์ ผู้จัดการทีมของอาร์เซนอล โดยแวงแกร์ได้บอกกับสื่อว่าเหตุที่เขาให้เบคแคมมาฝึกซ้อมกับสโมสรอาร์เซนอลคือเพื่อให้เบคแคมได้ฝึกสภาพร่างกายของเขาเท่านั้นไม่ได้มีการเซ็นสัญญากันอย่างเป็นทางการ. สโมสรฟุตบอลปารีแซ็ง-แฌร์แม็งจึงได้เปิดตัวเขาเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2013 โดยนัดแรกของเบคแคมกับปารีแซ็ง แฌร์แม็งคือในนัดที่พับกับ ออแล็งปิกเดอมาร์แซย์ ซึ่งเขาได้ลงเล่นมาเล่นในฐานะตัวสำรองให้กับสโมสรในนาทีที่ 76 และเขายังเป็นผู้เล่นคนที่ 400 ของสโมสรปารีแซ็ง-แฌร์แม็งอีกด้วย. ในวันที่ 12 พฤษภาคม ค.ศ. 2013 เบคแคมและเพื่อนร่วมสโมสรสามารนำปารีแซ็ง-แฌร์แม็งคว้าแชมป์ลีกเอิงได้สำเร็จด้วยเอาชนะ ออแล็งปิกลียอแน ไป 1-0 แล้วได้คว้าแชมป์ลีกเอิงเป็นสมัยแรกของเบคแคมและสมัยที่สามของสโมสร.

เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ค.ศ. 2013 เบ็คแฮมได้ออกมาประกาศให้แกสื่อมวลชนว่าเขาจะเกษียณจากอาชีพนักฟุตบอลอย่างเป็นทางการในการจบอาชีพการเล่นฟุตบอลที่ ประเทศฝรั่งเศส.

ในวันที่ 19 พฤษภาคม ค.ศ. 2013 เบคแคมได้ลงเล่นนัดสุดท้ายในบ้านของฤดูกาลให้กับปารีแซ็ง-แฌร์แม็งและนัดสุดท้ายในการเล่นฟุตบอลอาชีพของเขาด้วยการพบกับ สโมสรฟุตบอลแบรสต์ ทื่ปาร์กเดแพร็งส์ โดยในนัดนี้ การ์โล อันเชลอตตี ผู้จัดการทีมของปารีแซ็ง-แฌร์แม็งได้ให้เบ็คแฮมได้ลงเป็นตัวจริงและเป็นกัปตันทีมของปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง ก่อนถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 82 และหลังจากจบการแข่งขัน ปารีแซ็ง-แฌร์แม็งก็สามารถเอาชนะไปได้ 3-1 และคว้าแชมป์ลีกเอิงอย่างเป็นทางการ. และทำให้เบ็คแฮมเป็นนักฟุตบอลชาวอังกฤษคนแรกที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุดของแต่ละประเทศได้ถึง 4 ประเทศ คือ อังกฤษ, สเปน, อิตาลี และฝรั่งเศส

ทีมชาติ
เบ็คแฮมได้เริ่มเล่นให้กับ ฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 1996 ในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกในนัดที่พบกับ ฟุตบอลทีมชาติมอลโดวา.

เบ็คแฮมได้ลงเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษในฟุตบอลโลก 1998รอบคัดเลือกและเขาก็ได้เป็นหนึ่งในผู้เล่นของทีมชาติอังกฤษที่ได้ไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่ ประเทศฝรั่งเศส,

ในปี ค.ศ. 2012 เบ็คแฮมได้มีชื่อติด ฟุตบอลทีมชาติบริเตนใหญ่ชั่วคราว ในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน 2012. ประเภทกีฬาฟุตบอล โดยเขาได้ถูกเรียกตัวจากผู้จัดการทีมชาวอังกฤษอย่าง สจวร์ต เพียชร์.

ชีวิตหลังแขวนสตั๊ด

เบ็คแฮมที่แข็งแรง แต่แก่กว่าไม่ได้รับเลือก ให้ลงเล่นให้ ทีมชาติอังกฤษในปี 2012 แชมป์ยุโรปและจบอาชีพทีมชาติ ด้วยเกมระดับนานาชาติ 115 เกม มากสุดในประวัติศาสตร์ ของประเทศสำหรับ ผู้รักษาประตูที่ ไม่ใช่ผู้รักษาประตู

หลังจากแขวนสตั๊ด เบ็คแฮมยังคงเกี่ยวข้อง อยู่กับฟุตบอล เขาเป็นเจ้าของ และประธานทีม MLS Inter Miami CF ซึ่งเปิดตัวในปี 2020

ช่นเดียวกับสไตล์การแต่งตัว และทรงผมที่เปลี่ยนแปลง ตลอดเวลาของเขาในปี พ.ศ. 2546 เขาได้รับแต่งตั้งเป็น ท่านเซอร์เบ็คแฮม ของจักรวรรดิอังกฤษ เขามีภาพยนตร์เรื่องBend It Like Beckham และเรื่องGoal The Dream Begins และมีการถ่ายแบบ รูปนักบอล

คว้าแชมป์

เกียรติประวัติกับทีม

สโมสร
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
พรีเมียร์ลีก 6 สมัย : 1995-96, 1996-97, 1998-99, 1999-2000, 2000-01, 2002-03
เอฟเอคัพ 2 สมัย : 1995-96, 1998-99
ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 1 สมัย : 1998-99
Intercontinental Cup 1 สมัย : 1999
คอมมิวนิตี้ ชิลด์ 4 สมัย : 1993, 1994, 1996, 1997
เอฟเอยูธคัพ 1 สมัย : 1991-92
เรอัลมาดริด
ลาลิกา 1 สมัย : 2006-07
ซูเปร์โกปาเดเอสปัญญา 1 สมัย : 2003-04
แอลเอ แกแลกซี
MLS Supporters’ Shield 2 สมัย : 2010, 2011
MLS Cup 2 สมัย : 2011, 2012
MLS Western Conference
Winners (Regular Season) 3 สมัย: 2009, 2010, 2011
Winners (Playoffs) 3 สมัย: 2009, 2011, 2012
ปารีส แซงต์ แชร์กแมง
ลีกเอิง 1 สมัย : 2012-13
ทีมชาติ
ทีมชาติอังกฤษ
Tournoi de France 1 สมัย : 1997
FA Summer Tournament 1 สมัย : 2004
เกียรติประวัติส่วนตัว
นักฟุตบอลยอดเยี่ยมประจำเดือน (1): สิงหาคม 1996 พรีเมียร์ลีกอังกฤษ
นักฟุตบอลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ (1): 1996-97
FWA Tribute Award: 2008
Sir Matt Busby Player of the Year (1): 1996-97
UEFA Club Footballer of the Year (1): 1998-99
UEFA Club Midfielder of the Year (1): 1998-99
Premier League 10 Seasons Awards (1992-93 ถึง 2001-02):
Domestic & Overall Team of the Decade
Goal of the Decade (vs. Wimbledon, 17 สิงหาคม 1996)
UEFA Team of the Year 2003
Real Madrid Player of the Year (1): 2005-06
PFA Team of the Year (4): 1996-97,1997-98,1998-99,1999-2000
BBC Sports Personality of the Year (1): 2001
ฟีฟ่า 100
ESPY Award – Best Male Soccer Player: 2004
ESPY Award – Best MLS Player: 2008
English Football Hall of Fame: 2008
BBC Sports Personality of the Year Lifetime Achievement Award (1): 2010
MLS Comeback Player of the Year Award (1): 2011
Major League Soccer Best XI: 2011
รางวัลพิเศษ
Officer in the Order of the British Empire by Queen Elizabeth II: 2003
United Nations Children’s Fund (UNICEF) Goodwill Ambassador (2005-ปัจจุบัน)
“Britain’s Greatest Ambassador” – 100 Greatest Britons awards
The Celebrity 100, number 15 – Forbes, 2007
Number 1 on the list of the 40 most influential men under the age of 40 in the UK – Arena, 2007
Time 100: 2008
Gold Blue Peter Badge winner, 2001
Do Something Athlete Award, 2011

———————————————————————————————————-

แหล่งรวบรวมไฮไลท์ฟุตบอลต่างประเทศทั้งลีกใหญ่และลีกเล็ก
ขอบคุณผู้สนับสนุน pz88 / 888hot / 28hot เว็บออนไลน์อันดับ1ของประเทศ
ขอบคุณแหล่งข้อมูล truevisions / beIN SPORTS Thailand / Siamsport / cheerball / Bundesliga

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *